ในช่วงเวลาปีถึงสองปีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนอาชญากรไซเบอร์และช่องทางที่ใช้ดำเนินการผิดกฏหมายไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น
PROUD จึงสรุปแนวโน้มสำคัญทางด้านอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งประกอบด้วย
Crime-as-a-Service
เป็นตัวเชื่อมระหว่างแฮ็คเกอร์ผู้ให้บริการเครื่องมือสำหรับก่ออาชญากรรมไซเบอร์ กับบริการที่กลุ่มอาชญากรสามารถเข้าถึงเพื่อนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมได้ ส่งผลให้อาชญากรไซเบอร์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
Ransomware
ยังคงเป็นภัยคุกคามรูปแบบมัลแวร์อันดับหนึ่ง ซึ่งแนวโน้มนี้คาดว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอันใกล้นี้
The Criminal Use of Data
ต่อเนื่องจาก RANSOMWARE เพราะข้อมูลสามารถนำไปขายเพื่อหาผลกำไรได้ แต่หลังๆ มานี้การโจมตีข้อมูลเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
Abuse of the Dark Web
Dark Web ช่วยให้อาชญากรไซเบอร์ประกอบการกระทำที่ผิดกฏหมายได้ รวมไปถึงสินค้าผิดกฏหมายบนตลาดมืดของ Dark Web นี้ ช่วยเพิ่มโอกาสให้พวกหัวรุนแรงเหล่านั้นมากขึ้น
Social Engineering
Phishing เริ่มมีเป้าหมายไปยังพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงในองค์กรมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง C-LEVEL ที่ถูกดัดแปลงโดยหลอกพนักงานว่าเป็นข้อความจากผู้บริหารระดับสูง
Virtual Currencies
Bitcoin ยังคงเป็นสกุลเงินหลักในการชำระเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการผิดกฏหมายในโลกใต้ดิน รวมไปถึง Dark Web เนื่องจากติดตามและตรวจสอบได้ยาก
นั้นคือประเด็นสำคัญที่องค์กรจะต้องยกระดับมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยและเตรียมความพร้อมรับมือของทั้งองค์กรและพนักงานทั่วไปในการรับมือภัยคุกคามเหล่านี้